เนื้อเรื่อง
Need for Speed เป็นเรื่องราวของ โทบี้ มาร์แชล ที่ถูกใส่ความในคดีที่ไม่ได้ก่อจนต้องเข้าคุก เมื่อเขาออกจากคุก เขาได้ลงแข่งขันการแข่งรถข้ามประเทศ ที่เชื่อมโยงกับกลุ่มผลประโยชน์มากมาย เพื่อแก้แค้นคนที่ใส่ร้ายเขา
Need for Speed กำกับโดย สก็อตต์ วอห์น (Scott Waugh) ที่เคยกำกับ Act of Valor จากบทภาพยนตร์ของจอร์จ นัลฟี่ (George Nolfi) จาก The Bourne Ultimatum นอกจาก แอรอน พอล แล้วยังสมทบด้วย อิโมเจน พูทส์ (Imogen Poots), โดมินิก คูเปอร์ (Dominic Cooper), คิด คูดี้ (Kid Cudi), รามิ มาเร็ค (Rami Malek)และ ไมเคิล คีตัน (Michael Keaton) กำหนดเข้าฉายมีนาคม 2014
จากพล็อตเรื่องในข้างต้น ก็ดูคล้ายๆ กับหนังแนว Racing ทั่วๆ ไปเช่นกัน แต่ Need for Speed นำเสนอออกมาได้เข้มข้นและมีส่วนผสมของดราม่าที่ไม่มากไม่น้อยเกินไป ทำให้พล็อตเรื่องแบบบ้านๆ ออกมาค่อนข้างได้อารมณ์ในระดับหนึ่ง แม้ว่าพล็อตเรื่องกับบทโดยรวมมันอาจไม่ถึงกับได้อารมณ์ , แน่นหรือซับซ้อนซ่อนเงื่อนเทียบเท่ากับหนังรุ่นใหญ่อย่าง Fast & Furious ก็ตาม
ถ้าเปรียบ ตัวหนังนั้นก็ดูจะคล้ายๆ เครื่องยนต์รถ ในช่วงแรกๆ หนังอาจจะยังดูเนิบๆ เรื่อยๆ ไม่มีอะไรมาก (เหมือนเครื่องยนต์ที่ยังไม่ได้สตาร์ท) พอไปถึงช่วงที่พระเอกเริ่มปฏิบัติการ ก็ดูเข้มข้นขึ้น (เครื่องสตาร์ทแล้ว) พอต่อจากนั้น เริ่มมีอะไรมันส์ๆ ขึ้นเรื่อยๆ (เครื่องเริ่มอุ่น) พอถึงช่วงท้าย ความมันส์ ความลุ้นระทึกก็ทะลุเพดาน (เหมือนเครื่องที่เดินรอบสูง และเร่งเต็มอัตรา)
แต่สิ่งที่หนังเรื่องนี้เสียคือบทหนังที่ดูอ่อนๆ (เปรียบเหมือนเครื่องยนต์ที่อาจมีอาการสะดุดบ้างเล็กน้อย) พล็อตเรื่องที่ดูคล้ายๆ กับหนัง Racing ทั่วๆ ไป (เหมือนเครื่อง 2J ที่รถแข่งทั้งหลายใช้กันเกลื่อน) แต่พล็อตบ้านๆ นั้น ในหนังเรื่องนี้กลับนำเสนอได้เข้มข้น และน่าติดตาม (ซึ่งก็เหมือนเครื่อง 2J ตัวนี้ถูกปรับแต่งมาอย่างดี)
สิ่งที่ชอบ
- มุมกล้องของหนังที่ทำออกมาได้เยี่ยม ดูยิ่งใหญ่ และมุมกล้องบางมุมก็อารมณ์เกมแข่งรถ(ตามชื่อ) มากๆ (ส่วนตัวยกให้เป็นหนังแข่งรถที่มุมกล้องเยี่ยมที่สุดเลย)
- รถแต่ละคัน เรียกได้ว่าทำเอา จขกท.ตาลุกวาวเลยทีเดียว เพราะมันไม่ใช่รถญี่ปุ่น หรือมีแค่รถอเมริกัน แต่รถในหนังเรื่องนี้เป็นถึงระดับ Super Car กันเลยทีเดียว และเสียงเครื่องยนต์ที่ดังกระหึ่มบาดใจอย่างยิ่ง
- ฉากบางฉากก็ได้อารมณ์จากเกม Need for Speed ภาคเก่าๆ ด้วย (อันนี้ไม่รู้คิดไปเองหรือเปล่านะครับ) หากใครเลยเล่น NFS ภาคเก่าๆ มาก่อน อย่างเช่น
-- ฉากซิ่งรถตอนกลางคืนช่วงแรก ได้กลิ่นอาย NFS Underground 1/2 นิดๆ
-- ฉากขับรถข้ามรัฐ อันนี้ภาพของ NFS : The Run ลอยเข้ามาในหัวเลย
-- ฉากซิ่งรถ+หนีตำรวจ อารมณ์เหมือน NFS : Hot Pursuit บวกกับภาค Most Wanted เลย
- ชอบฉากเติมน้ำมันกลางถนนขณะวิ่งมาก อันนี้อึ้งเลยว่า "คิดได้ยังไง" ได้อารมณ์เครื่องบินกำลังเติมน้ำมันกลางอากาศมาก
- สัญญาณอินเตอร์เน็ตดีมาก รถแต่ละคันติดต่อคุยกันได้ตลอด แม้กระทั่งคุยกับนักบิน ล้ำดี
- แม้ Tobey Marshall (Aaron Paul) คือพระเอกของหนังเรืองนี้ แต่ จขกท.กลับชอบ Benny (Scott Mescudi) เพื่อนพระเอกที่เป็นนักบินมากกว่า เพราะพี่แกขับอากาศยานได้เยอะจริงๆ ทั้งเครื่อง Cessna ยันเฮลิคอปเตอร์ แทบยังบินได้บ้าระห่ำมากๆ ชนิดที่นักบินจริงๆ ยังไม่กล้าทำเลยมั้ง
12-HD I ดูหนังHD ตัวอย่างหนัง พรีวิวหนัง รีวิวหนัง หนังซาวน์แทร็ค ซับไทย Soundtrack Subthai